การซื้อลิปสติกตาม “Kylie Jenner” แต่งตัวตาม “ชมพู่ อารยา” หรือแม้แต่ใช้สกินแคร์ตามเพื่อนรอบข้าง สิ่งเหล่านี้คือ อิทธิพลจากอินฟลูเอนเซอร์ทั้งสิ้น เพราะอินฟลูเอนเซอร์นั้นหมายถึง บุคคลที่มีชื่อเสียงในการเป็นตัวการนำเสนอแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือหากแปลตรงตัวคือ “ผู้ทรงอิทธิพลบนโลกโซเชียล” นั่นเอง โดยอินฟลูเอนเซอร์ น้ันอาจจะเป็น Blogger Youtuber Instagrammer หรือแม้แต่แพทย์, ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และคนธรรมดารอบตัวเรา ยิ่งไปกว่านั้นน้องแมวน้องหมาก็เป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้นะคะ

ซึ่งประเภทของอินฟลูเอนเซอร์อาจจะแบ่งตามปัจจัยต่างๆได้หลากหลาย แต่ในที่นี้เราก็จะวัดจากการมีผู้ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียของพวกเขาไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, TikTok และ YouTube เป็นต้น วันนี้ เมนเทอร์บีจึงขออยากนำเสนอ ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์พร้อมแล้ว อ่านต่อกันเล้ยยยย! ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ Mega Influencer: 1,000,000+ Followers มักเรียกอีกชื่อว่า “Celebrity” ซึ่งมักจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม โดย Mega Influencer สามารถสร้าง Brand Awareness แบบวงกว้าง หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ซึ่ง Mega Influencer นั้นก็มีค่าจ้างที่สูงเช่นกัน Macro Influencer: 100,000 – 1,000,000 Followers กลุ่มนี้มักมีผู้ติดตามในจำนวนมาก สร้าง Brand Awareness ได้ดี เริ่มมีความเป็นมืออาชีพในการสร้าง Content และมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่นเกี่ยวกับด้านความงาม ด้านท่องเที่ยว ด้านอาหาร ด้านการออกกำลังกาย ด้านเทคโนโลยี โดยอาจจะเป็น Vlogger หรือ Content creator ก็ได้ ทำให้เข้าถึงและเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการได้ง่ายขึ้น Mid-Tier Influencer: 50,000 – 100,000 Followers กลุ่มนี้สามารถสร้าง Brand Awareness ได้ดีในระดับนึง และยังสร้างสรรค์ Content ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่า 2 อันดับข้างต้น
Micro Influencer: 10,000 – 50,000 Followers กลุ่มนี้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่าด้วยจำนวนผู้ติดตามที่มากกว่า โดยระดับ Micro Influencer นี้ถือว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่สามารถใช้งานได้ดีและเข้ากับสินค้าและแบรนด์ได้ง่าย เพราะยังไม่มีตัวตนที่ชัดเจนมาก แถมยังได้รับความเชื่อถือจากผู้ติดตามเพราะมีความใกล้ชิดกันอีกด้วย Nano Influencer: 1,000 – 10,000 Followers Stage ที่เล็กที่สุดและมีจำนวนในตลาดเยอะที่สุด เปรียบเสมือนคนทั่วไป ข้อดีก็คือราคาไม่สูงมาก ถ้าเทียบกับระดับอื่น และยังสามารถให้สร้างสรรค์ Content ได้พร้อมๆ กันในทีเดียวแบบกระจายวงกว้าง และทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูมีความเป็นจริงมากกว่า สามารถสร้าง Engagement และ Conversion rate ได้ดีที่สุด แน่นอนว่า อินฟลูเอนเซอร์แต่ละประเภทก็จะสร้าง Impact ต่อแบรนด์แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องความน่าเชื่อถือ , Rate ราคา , จำนวนผู้ติดตาม , คุณภาพของการสร้างสรรค์ Content และการดึงดูดคนให้กลายมาเป็นลูกค้า เช่น สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มี Budget ในการใช้ทำการตลาดผ่านการใช้อินฟลูเอนเซอร์ ไม่มาก Micro และ Nano Influencers คือคำตอบ เพราะ Micro และ Nano Influencer มีแนวโน้มมากกว่าที่จะไม่ต้องมี Budget ในการรีวิวสินค้าให้เลย อีกทั้ง กลุ่มลูกค้ายังมีเปอร์เซนต์ที่จะเชื่อกลุ่ม Influencer ในระดับ Nano และ Micro มากขึ้น เพราะด้วยจำนวนผู้ติดตามที่ไม่ได้เยอะมากมาย ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ดูมีความจริงใจมากกว่า เหมือนคนใกล้ตัวเราเป็นคนแนะนำ มีความหลากหลายมากกว่าเดิม หรือหากเป็นแบรนด์ Niche ที่มีความต้องการเฉพาะทาง Micro และ Nano Influencer ก็อาจจะเหมาะสมเช่นกัน เพราะ Micro และ Nano Influencer ในปัจจุบัน มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมหาศาล จึงจะมีแนวโน้มมากกว่าที่จะมีจุดเด่น/จุดขายเป็นของตัวเอง และมี Follower ที่เหนียวแน่นที่พร้อมที่จะฟังและตัดสินใจซื้อตามในสิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้พูดถึง เพราะรู้สึกเชื่อใจและใกล้ชิดกับอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ นอกจากนี้ ยังต้องเลือก Micro และ Nano Influencer ที่มีลักษณะเป็นกึ่ง Content Creator กึ่งอินฟลูเอนเซอร์เพื่อให้สามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ออกมาในรูปแบบที่แปลกใหม่ น่าสนใจ หรือ ถ้าเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ ต้องการ Influencer จำนวนมาก เรามีอินฟลูเอนเซอร์ทุกระดับให้คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็น Macro Influencer ตัวใหญ่ๆ ที่จะช่วยให้แคมเปญคุณเกิด Awareness ในวงกว้าง หรือ Micro Influencer และ Nano Influencer ที่จะมา Support ให้แคมเปญของคุณมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพื่อที่จะสร้างยอดขายให้กับสินค้าของคุณในที่สุด